Monday, November 29, 2010

GreenBkk Travel | กุหลาบป่าแห่งดอยอินทนนท์

กุหลาบป่าแห่งดอยอินทนนท์

อภินันท์ บัวหภักดี...เรื่องและภาพ

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ นอกจากจะมีชื่อเสียงในฐานะเป็นที่ตั้งของยอดดอยอินทนนท์ ยอดเขาสูงที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังเป็นแหล่งชมนกภูเขาที่สำคัญ มีนกสวย ๆ นานาชนิดมากหลายบินไปบินมาอย่างกล้าหาญให้นักท่องเที่ยวได้เชยชม นกบางชนิดตรงร้านกาแฟยอดดอยขนาดมีเลนส์ยาว ๆ ชนิด ๓๐๐ มิลลิเมตร มาก็ถ่ายภาพไม่ได้ ไม่ใช่อะไร เพราะนกเข้ามาใกล้จนต้องใช้เลนส์ไวด์แองเกิลถ่ายภาพนั่นเอง

นอกจากนกแล้ว ที่นี่ยังเป็นแหล่งชมพรรณไม้ป่าดิบเขา Hill evergreen forest ที่ต้นไม้ใหญ่จะมีผ้าห่มเป็นมอสสีเขียว ๆ ครอบคลุมลำต้นดูสวยงาม และในฤดูกาลที่เหมาะสมอย่างเช่นช่วงตั้งแต่เดือนมกราคมถึงมีนาคมนี้ จะเป็นช่วงเวลาแห่งการผลิบานของดอกไม้ภูเขาพันธุ์กุหลาบป่า หรือกุหลาบพันปีสีขาวและสีแดง โดยเฉพาะที่จุดชมวิวต่าง ๆ อย่างที่อ่างกาหลวงและกิ่วแม่ปาน แต่ที่เราสนใจที่สุดคือที่ผาแง่ม ยอดดอยอินทนนท์ ที่ตรงนั้นทั้งกุหลาบป่าและหน้าผาสูงจะรวมกันเป็นทิวทัศน์ที่งดงามน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง

ไปอินทนนท์คราวนี้ รถที่เราเลือกใช้คือรถยนต์เชฟ โรเลต อ็อปตรา ห้าประตู เครื่องเบนซิน ๑,๖๐๐ เกียร์อัตโนมัติ สีเงินดำ หน้าตาสวยงามโฉบเฉี่ยวเปรี้ยวมาก ขับไปจอดที่ร้านเติมลม เปลี่ยนลมยางเป็นลมชนิดโปรด คือลมยางไนโตรเจน เจ้าของร้านบริการรถยนต์ออกมาลูบ ๆ คลำ ๆ บอก แหม...รถคุณสวยจัง

จาก กทม. ไปถึงเชียงใหม่ บนถนนไฮเวย์รถยนต์ขับนิ่งวิ่งเรียบ แรงและเร็ว แซงรถอื่น ๆ ได้ฉลุย ดูอัตราการกินน้ำมันที่ใช้ได้ทั้งแก๊สโซฮอล์และเบนซิน ๙๑ แล้วก็ปรกติ ไม่ได้ใช้สิ้นเปลืองกว่ารถยนต์อื่น ๆ แต่อย่างใด แต่จุดเด่นที่คิดว่าเด่นจริง ๆ ก็อย่างที่บริษัทเขาเอามาทำโฆษณาเป๊ะ คือหนึบนิ่ง และยิ่งมาบวกกับลมยางไนโตรเจนที่เพิ่งเปลี่ยนเข้าไป เวลาผ่านลูกระนาด หรือรอยโหนกนูนกลางถนนแทบจะไม่รู้สึก ลองเอาผ้ามาผูกตาสาวน้อยเพื่อนร่วมทางเหมือนโฆษณา ขับไปพอเปิดออกมา สาวน้อยร้อง อุ๊ย....พี่ วิ่งมาแถวนี้ทำไม เปลี่ยวออกจะตาย

แล้วรถยนต์คันหรูก็พาเราไปถึงเชียงใหม่ในเวลาประมาณ ๗ ชั่วโมง ได้ที่พักที่บ้านสิงห์คำ ย่านวังสิงห์คำ ริมแม่น้ำปิง เป็นบูติกรีสอร์ตหลังสวยออกแบบภายนอกภายในห้องแบบบ้านล้านนา แต่ไม่ใช่เรือนกาแลใหญ่ ๆ หากเป็นบ้านจริง ๆ ของคนเชียงใหม่สมัยโบราณ จุดเด่นมาก ๆ อยู่ที่ห้องอาบน้ำ ที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องสปาได้ทุกเวลา สวยจริง ๆ บอกไปจะเกินเลย ต้องไปดูกันเองว่าสวยขนาดไหน

วันรุ่งขึ้นตื่นแต่เช้ามืด ขับเจ้าอ็อปตราขึ้นดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย ได้ทดสอบรถไปในตัว ผลของความเงียบนั่งสบายทำให้เผลอแผล็บเดียว อ้าว มาถึงที่ทำการอุทยานฯ ตรงกิโลเมตรที่ ๓๑ เสียแล้ว รู้สึกได้เลยว่ามาถึงที่ตรงนี้ได้เร็วกว่าทุก ๆ ครั้งที่เคยมา จะเป็นเร็วจริง ๆ หรือเร็วแค่ความรู้สึกก็ไม่รู้

อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ มีเนื้อที่ประมาณ ๔๘๒.๕ ตารางกิโลเมตร หรือ ๓๐๑,๕๐๐ ไร่ มียอดดอยอินทนนท์สูง ๒,๕๖๕ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นยอดเขาสูงสุด เป็นดินแดนแห่งชุมนุมพืชและสัตว์ที่หลากหลาย ในส่วนพืชมีป่าต่างชนิดกัน ๓ ชนิด ไล่เรียงไปตามความสูง คือ ป่าเต็งรังที่เชิงเขา ป่าเบญจพรรณชื้นตอนกลาง และป่าดิบแล้งที่ยอดเขา มีกล้วยไม้ป่าและดอกไม้ป่าอื่น ๆ ที่น่าสนใจมากมายหลายหลากชนิด บางชนิดไม่พบในที่อื่น ๆ ของประเทศ
ในส่วนชุมนุมสัตว์ มีสัตว์ต่าง ๆ อยู่ไม่มาก เพราะมีชาวพื้นราบและชาวไทยภูเขาอาศัยอยู่ติดกับพื้นที่เป็นจำนวนมาก สัตว์เด่นที่น่าสนใจก็เช่น นกชนิดต่าง ๆ เต่าปูลู ตัวกระท่าง และที่เพิ่งพบตัวอย่างน่าตื่นเต้นก็คือ กวางผา สัตว์ที่คาดหมายว่าสูญพันธุ์ไปแล้วจากยอดดอยแห่งนี้ แต่ก็มีตัวกลับคืนมาในที่สุด

เราขับเจ้าอ็อปตราเลยไปรับคนนำทางที่จุดนัดพบ แล้วก็พาเจ้าอ็อปตราปีนขึ้นจุดสูงสุดที่ยอดดอย แบบไม่มีปัญหาใด ๆ เลย แอร์ก็ไม่ต้องปิด แถมตอนขึ้นไปยังเฉียดผ่านรถที่วิ่งขึ้นควันดำโขมงไปหลายคันหลายยี่ห้อแบบแซงขาด ลดกระจกลงจะรับลมเย็นยอดดอยเสียหน่อย กลิ่นเบรกรถคันอื่นเหม็นไหม้เข้ามาในรถจนต้องปิดแทบไม่ทัน

ที่ยอดดอยอินทนนท์นักท่องเที่ยวเยอะ แต่ไม่มีใครมีจุดประสงค์แบบเรา เราหกคนตัดลงไปตามทางเดินเล็ก ๆ ข้างถังขยะ กลิ่นฉี่ใครไม่รู้โชยมาดักหน้า แหม...ทางอุทยานฯ นี่ก็ช่างกระไร ไม่ทำป้ายบอกทาง เอาถังขยะมาวางปิดทาง แล้วยังมีวางกลิ่นฉี่ดักหน้าอีก
แต่คณะเราก็ไม่ย่อท้อ อุดจมูกผ่านดงฉี่มาได้แล้วเดินลงดอยอ้อมหอเรดาร์มาเรื่อย ๆ พอถึงต้นยางใหญ่ที่ตรงกลางเป็นโพรงกลวงเป็นหมายบอกทาง ก็เดินตัดออกทางขวา แล้วก็เดินลงเขาไปเรื่อย ๆ เวลาผ่านไปกว่า ๓๐ นาที ทางลงเขาก็ยังคงลง บอกให้รู้ว่าขาเดินกลับไปหนักแน่ ๆ

แล้วเราก็มากันจนถึงผาแง่ม หลังจากเดินลงเขามาเรื่อย ๆ กว่าชั่วโมง ภาพแรกที่เห็นคือภาพกล้วยไม้ป่าสีขาวเกาะพราวอยู่กับกิ่งไม้ แล้วต่อไปเราจึงเห็นต้นกุหลาบพันปี ก่อนที่จะได้เห็นดอกกุหลาบพันปีสีแดงสดใสดอกขนาดใหญ่สักเท่าฝ่ามือ มากมายแพรวพรายไปตั้งหลายต้นริมหน้าผา ที่ปลายกิ่งโคนดอกยังมากมายด้วยฝอยลมสีเขียวพลิ้วปลิวไสวไปกับแรงลม หนุนส่งให้ภาพของกุหลาบแดงริมหน้าผาให้สวยงามขึ้นไปอีก

กุหลาบพันปีเป็นดอกไม้ในตระกูล Rhododrendron ลำต้นขนาดใหญ่ ต้นสูงขนาดท่วมหัว ดอกใหญ่สีแดง ผลิบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงต้นเดือนมีนาคม เป็นแหล่งที่นกกินน้ำหวานชอบมาชุมนุมกัน โดยเฉพาะนกในตระกูลนกกินปลีต่าง ๆ ส่วนฝอยลมเป็นไลเคนชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นฝอยเหมือนหนวด สีเขียวหรือสีน้ำตาล เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ต้นไม้ ปลิวไสวไปตามสายลม

สวยครับ สวยมาก สวยจริง ๆ จะใช้ถ้อยความอธิบายความสวยงามอย่างไรก็คงจะไม่แจ่มชัดเท่ากับภาพหลาย ๆ ภาพที่ลงไว้ประจำคอลัมน์นี้ พวกเราชาว อ.ส.ท. พอได้พบกับความงามของกุหลาบแดงแห่งผาแง่มก็แทบจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างในโลก ลงมือตั้งใจบันทึกภาพกันยกใหญ่

พอมองภาพของผาแง่มผ่านวิวไฟน์เดอร์แล้ว เราก็พบครับว่า ปัญหาสำคัญยังมีอยู่ตรงที่ท้องฟ้าวันนี้ยังเป็นท้องฟ้าสีตุ่น ๆ และกลุ่มหมอกที่ตลบอบอวลอยู่ที่หน้าผาตอนนี้ก็ยังเป็นหมอกขาวหนาแน่นอยู่ ถ่ายภาพได้ แต่อย่าหันกล้องขึ้นฟ้าไปเป็นอันขาด

เราก็เลยต้องรอให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน รอไปก็ถ่ายภาพไป เป็นภาพแบบที่มีท้องฟ้าน้อย ๆ รอว่าถ้าธรรมชาติเป็นใจเมื่อไหร่ ชัตเตอร์ที่ดังแชะ ๆ จะรัวพรืดเป็นปืนกลเลยทีเดียว แต่รอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ วันนั้นจนถึงครึ่งค่อนวัน ท้องฟ้าก็ยังเป็นสีมัวหม่นอยู่ เรารอจนไม่มีความหวังแล้ว ก็เลยจำใจต้องถอยทัพกลับออกจากผาแง่ม ขาไปเดินไปเพียงหนึ่งชั่วโมง แต่ขากลับเราต้องเดินขึ้นเขาตลอด จากหนึ่งชั่วโมงขามา กลายเป็นสามชั่วโมงขากลับ

พอกลับขึ้นมาถึงยอดดอย ตรงลานจอดรถ พวกเราแต่ละคนก็โทรมงั่ก ดูไม่จืด นักท่องเที่ยวที่เพิ่งเดินทางขึ้นมาจอดรถ เตรียมออกเดินเที่ยวที่อ่างกาหลวงหันมามองกันเป็นแถว พวกนี้ไปทำอะไรกันมานะ

ขาลงจากอินทนนท์ เชฟโรเลต อ็อปตรา ลงจากจุดสูงสุดของประเทศไทยได้อย่างเรียบง่ายและสวยงามนิ่งสนิทจนชาวเราที่เหนื่อยอ่อนหลับใหลแบบไม่ต้องผูกตาไปหลายคน กลางทางที่ที่ทำการอุทยานฯ ผมเอ่ยถามคุณเอ พขร. ว่า จะหยุดพักเบรกหน่อยไหม คุณเอตอบมาว่า ไม่ต้องหรอก ลงมาตั้งนานยังไม่ได้เบรกเลยพี่ อะโห นี่รถดีหรือคนขับเก่งกันล่ะเนี่ย

จากเชียงใหม่ คุณเอเปลี่ยนมานอน ให้ผมขับรถกลับ กทม. มาตลอดค่ำ พอถึงกำแพงเพชร คุณเอตื่นขึ้นมาบอกคำแรกว่า เออ เบาะรถนี่สบายดีจริง ๆ นะ ออกแบบแบน ๆ เรียบ ๆ นึกว่าจะแข็ง ที่ไหนได้นอนหลับสบายมาก พี่ขับต่อไปถึง กทม. เลยนะ ผมนอนก่อนละ...ว่าแล้วพอหลังพิงเบาะก็อ้าปากกรนคร่อก...ฟี้...

ส่วนผมก็พาเจ้าเชฟโรเลต อ็อปตรา กลับ กทม. มาถึงประมาณตีสามพอดี ๆ


………………………………………………………………….

ข้อมูลท่องเที่ยว
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์

เดินทางโดยรถยนต์จากเชียงใหม่ ตั้งต้นที่สี่แยกสนามบินเชียงใหม่ ใช้เส้นทางหมายเลข ๑๐๘ ผ่านอำเภอหางดง-สันป่าตอง ประมาณหลักกิโลเมตรที่ ๕๗ ก่อนถึงอำเภอจอมทองจะมีทางแยกเลี้ยวขวา เป็นเส้นทางหมายเลข ๑๐๐๙ ระยะทางประมาณ ๘ กิโลเมตร พบสามแยกให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ด่านตรวจที่ ๑ ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์มีบริการบ้านพักหลากหลายรูปแบบหลายหลัง พักได้ตั้งแต่สองคน จนถึงนับสิบคน ราคาค่าที่พัก ไล่เรียงตั้งแต่ ๑,๐๐๐-๒,๕๐๐ บาท นอกจากนี้ ยังมีบริการเต็นท์และพื้นที่กางเต็นท์ให้เช่า โดยเสียค่าธรรมเนียมไม่เกินเต็นท์ละ ๑๐๐ บาท
ติดต่ออุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๓๑ ๑๖๐๘
..........................................................................................

ขอขอบคุณ
รถยนต์เชฟโรเลต อ็อปตรา บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
บ้านสิงห์คำ บูติกรีสอร์ตสวยแห่งวังสิงห์คำ เชียงใหม่ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๒๕ ๑๙๘๘, ๐ ๑๔๗๒ ๓๑๗๖
......................................................................................

ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๘ เดือนมีนาคม ๒๕๔๙

No comments:

Post a Comment