Tuesday, November 30, 2010

GreenBkk Travel | ขับรถเที่ยวกระบี่

ขับรถเที่ยวกระบี่

เชษฐา นุ้ยเล็ก...เรื่องและภาพ

ถ้าเอ่ยถึงจังหวัดกระบี่ ทุกคนคงหลับตาเห็นภาพทะเลสวย น้ำใส และหาดทรายขาว ๆ แต่ในอีกมุมมองหนึ่งของกระบี่ เราพบว่ามีเส้นทางสวยงามแทรกตัวอยู่ท่ามกลางภูเขาหินปูน สวนปาล์มน้ำมัน และสวนยางพารา งดงามไม่แพ้กัน ดังนั้น ในการเดินทางครั้งนี้ เราจึงตั้งใจไปเก็บภาพสวย ๆ ในบรรยากาศการขับรถในเส้นทางดังกล่าว แต่ไปแล้วก็คงจะขาดกิจกรรมยอดฮิตของกระบี่ไปไม่ได้ คือการพายเรือคายัก โดยนำเรือคายักลำเก่งร่วมเดินทางไปด้วย 

การเดินทางของเราครั้ง นี้ มีพาหนะคือเชฟโรเลต ซาฟิร่า สปอร์ต ๒๒๐๐ สีฟ้า เครื่องยนต์เบนซิน เกียร์อัตโนมัติ พร้อมกับอุปกรณ์วางเรือคายักที่ได้รับการอนุเคราะห์จากร้านวีวีพี ๔x๔ เซ็นเตอร์ ให้ยืมแล็กและที่วางเรือของ THULE เตรียมพร้อมเสร็จสรรพ เรือสีหวานกับรถสีสวยเข้ากันดีจริง ๆ

เราออกเดินทางแต่เช้า จากกรุงเทพฯ ใช้ความเร็วพอสมควร แม้ว่าจะเป็นรถอเนกประสงค์ บวกกับมีเรือคายักอยู่บนหลังคา ไม่มีผลกระทบใด ๆ ในการใช้ความเร็ว และไม่ก่อให้เกิดเสียงดังเข้ามาในรถให้รำคาญแต่อย่างไร แถมขับผ่านไปทางไหนก็มีแต่คนมอง ไม่รู้ว่ามองรถ มองเรือ หรือมองคนขับ แต่ผมว่ารถก็สวย เรือก็เท่...แจ่มจริง ๆ สำหรับเจ้าซาฟิร่า เราใช้แก๊สโซฮอล์เพื่อเป็นการช่วยชาติประหยัดพลังงานตามนโยบายรัฐบาล อัตราสิ้นเปลืองถือว่าไม่มากนัก แม้รถจะบรรทุกทั้งเรือ สัมภาระ และคน อีกทั้งยังทำความเร็วได้ดังใจ

เก้าชั่วโมงสำหรับระยะทางแปดร้อยกว่ากิโลเมตร เจ้าซาฟิร่าก็เริ่มเข้าสู่จังหวัดกระบี่ สังเกตได้จากภูเขาหินปูนรูปทรงตั้ง ๆ เริ่มจากอำเภออ่าวลึกไปจนถึงหาดคลองม่วง ไปหาเพื่อนรักที่โรงแรมเชอราตันกระบี่บีช รีสอร์ท โรงแรมระดับ ๕ ดาวที่มีความเป็นธรรมชาติ คุณจะพบป่าโกงกางอยู่ที่หน้าระเบียงห้องพักแทนชายหาด แต่ถ้าต้องการสัมผัสกับชายหาดและน้ำทะเล ก็ต้องเดินลัดเลาะผ่านป่าโกงกางไปตามสะพานไม้ที่ทางโรงแรมได้สร้างไว้ ในระหว่างทางจะได้พบนก ปลาตีน หรือปูก้ามดาบในเวลาน้ำลง จัดได้ว่าเป็นโรงแรมที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่เน้นการใช้พื้นที่ให้คุ้มกับการลงทุน รถก็แจ่ม โรงแรมก็ดี นับเป็นทริปที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ หลังเข้าที่พักแล้ว เราก็ออกไปหามุมสวยยามพระอาทิตย์ตกน้ำ เพื่อถ่ายรูปเจ้ารถคันงามกับบรรยากาศอาทิตย์อัสดงใกล้ ๆ บริเวณที่พัก แถวหาดคลองม่วงไปถึงหาดทับแขกกันจนมืดค่ำ

หลังอาหารเช้าของ โรงแรมที่แสนเอร็ดอร่อย เราก็เริ่มโปรแกรมด้วยการขับรถไปในเส้นทางบ้านในสระ ที่จะไปยังอ่าวท่าเลนและท่าปอมคลองสองน้ำ สองข้างทางเป็นเขาหินปูน หน้าผามีสีขาวสลับสีส้มแซมด้วยไม้ภูเขาต่าง ๆ เช่น สลัดได ตีนเป็ดภูเขา รูปร่างแปลกตา ซึ่งไม่สามารถพบเห็นได้ที่อื่นนอกจากที่กระบี่ และยังมีสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา ปลูกเป็นทิวแถว สลับไปมา เราขับรถไปจนถึงท่าปอมคลองสองน้ำ แวะเข้าชมธรรมชาติและน้ำที่ใสเย็นไหลผ่านภูเขาหินปูน จอดรถที่ใดก็กลายเป็นจุดสนใจ รถก็สวย เรือก็งาม ถ้ามาในช่วงเดือนมิถุนายน เราจะพบสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นสะตอที่ออกฝักห้อยระย้า สวนลองกอง สวนเงาะ ออกผลให้เป็นที่น่ารับประทานยิ่งนัก

หลังจากนั้นเราก็ไปยังสระ มรกตที่ขึ้นชื่อว่าน้ำใสเช่นเดียวกัน โดยวิ่งไปยังตัวเมืองกระบี่ ผ่านอำเภอเหนือคลองไปจนถึงอำเภอคลองท่อม เลี้ยวซ้ายมีป้ายบอกไปตลอดทาง วันนี้ฟ้าใส เมื่อไปถึงเราใช้เวลาเดินไปยังสระมรกตประมาณ ๑๕ นาที ผู้คนไม่มากนัก มีชาวต่างชาติบ้าง และคนกระบี่เองที่แอบหนีร้อนมาเล่นน้ำใส ๆ ให้เย็นใจ น้ำในสระวันนี้เขียวใสสะท้อนกับแสงแดดเป็นระยับสวยงามมาก นอกจากสระมรกต ยังมีสระแก้ว ในบริเวณนี้ไม่อนุญาตให้เล่นน้ำ อาจเนื่องจากมีพืชน้ำอยู่มาก แต่อีกที่หนึ่งบริเวณทางเข้ามีแอ่งน้ำตกสามารถลงเล่นได้ จากนั้นก็เดินทางกลับที่พัก

โปรแกรมวันนี้เราจะไปพายเรือคายักที่เกาะห้อง โดยใช้เรือเร็วของเกาะพีพีทัวร์ บรรทุกเรือคายักและพวกเราไปยังเกาะห้อง ก่อนถึงเกาะห้องเราเอาเรือคายักลงน้ำพร้อมกับใส่ชูชีพเพื่อพายเข้าไปในลากูน ที่มีลักษณะเป็นห้อง โอบล้อมด้วยหน้าผาหินปูน และพรรณไม้ต่าง ๆ มากมาย

เกาะ ห้องวันนี้กลับมาคึกคัก พบเห็นชาวต่างชาติมากพอสมควร บ้างก็มาเล่นน้ำ นอนอาบแดด หรือพายเรือคายัก เราพายเรือคายักชมความงามของเกาะห้องไปเรื่อย ๆ เรือลำนี้อุตส่าห์บรรทุกมาจากกรุงเทพฯ เป็นเรือพายคนเดียวแบบทัวร์ริง มีหางเสือใช้เท้าบังคับให้เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาได้ เหมาะสำหรับพายไกล ๆ แต่วันนี้พายแค่พอหอมปากหอมคอเท่านั้น

ก่อนจากเกาะห้อง เราไปยังเกาะละดิง ที่มีชายหาดและชิงช้าให้พักผ่อน และเกาะไร่กับเกาะผักเบี้ย ซึ่งเป็นที่นิยมสำหรับหมู่เกาะห้อง และกลับสู่ที่พักในตอนเย็น ล้างเรือคายักก่อนเอาไปเก็บไว้บนแล็กเหมือนเดิม ตอนหัวค่ำคณะเราได้ขับเจ้าซาฟิร่าออกจากโรงแรมไปเที่ยวแถวหาดนพรัตน์ธาราและ อ่าวนาง ที่ ณ วันนี้ได้กลับมามีสีสันในยามราตรีเหมือนเดิม

คณะ เราเดินทางกลับกรุงเทพฯ ตอนสาย ๆ หลังจากมื้อเช้าที่แสนอร่อยและขนสัมภาระใส่เจ้าซาฟิร่า เราใช้เส้นทางเดิมออกจากที่พัก ขับผ่านบ้านในสระถึงแยกสายตัดใหม่ ทางหลวงหมายเลข ๔๔ ก่อนถึงอำเภออ่าวลึก ระยะทาง ๑๓๐ กว่ากิโลเมตร จนถึงเส้นทางหลวงหมายเลข ๔๔ เป็นทางที่ตรงจริง ๆ ขนาดเมื่อคืนนอนหลับกันแล้ว สมาชิกในรถยังหลับกันอีก น่าหลับด้วยจริง ๆ เลยถือโอกาสทำความเร็วและใช้อุปกรณ์ล็อกความเร็ว ไม่ต้องเหยียบคันเร่งให้เมื่อยเท้า แล้วก็หลับตามไปด้วย (ล้อเล่นนะครับ)

พอ จะปลดล็อกก็แค่แตะเบรกเบา ๆ ล็อกก็ปลด ขับเจ้าซาฟิร่าทั้งวันแดดเปรี้ยง แต่ภายในรถแอร์เย็นฉ่ำ เพลงก็เพราะ แวะเติมน้ำมันที สมาชิกก็ตื่นกันที ลงมาหาขนมกินแล้วก็หลับต่อ คณะเราถึงกรุงเทพฯ ก็ค่ำ ๆ ดูซิคืนนี้จะนอนหลับกันหรือเปล่า ก็เล่นนอนมากันทั้งวัน คราวหน้าจะหารถกระบะตอนเดียวมาขับไปทำคอลัมน์นี้ ดูซิจะมีใครไปด้วยมั้ย

ขอขอบคุณ
รถยนต์เชฟโรเลต ซาฟิร่า บริษัทเจเนรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด
แล็ก ทูเล่ ร้านวีวีพี ๔x๔ เซ็นเตอร์ โทรศัพท์ ๐ ๒๗๒๑ ๓๑๖๑
โรงแรมเชอราตันกระบี่บีช รีสอร์ท โทรศัพท์ ๐ ๗๕๖๒ ๘๐๐๐
.....................................................................

คำบรรยายภาพ
๑. ทะเลแหวก
๒. เรือเร็วที่หินตังหมิง
๓. เกาะห้อง
๔. นักท่องเที่ยว


ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๙ เดือนเมษายน ๒๕๔๙

No comments:

Post a Comment