มหา’ลัยเหมืองแร่ที่สุดปลายชายแดนตะวันตก
เชษฐา นุ้ยเล็ก...เรื่องและภาพ
ยังไม่ทันจะหมดหน้าร้อน ฝนเจ้ากรรมก็มาตั้งแต่เดือนพฤษภาฯ เลย แล้วจะไปทำคอลัมน์ “ขับรถเที่ยว” ที่ไหนดีให้เข้ากับบรรยากาศฝน ๆ แบบนี้ กริ๊ง...กริ๊ง...เสียงจากปลายสายที่โทรเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่ชาย “นายโด่ง” แห่งวงการออฟโรด ไปขับรถเที่ยวเหมืองปิล็อกกันไหม ทางบริษัทเจเนรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด จะไปทดสอบ Colorado G80 Diff-lock พอได้ยินเรายังไม่ทันคิดอะไร แต่ใจไพล่ไปนึกถึงหนังไทยเรื่องนั้น มหา’ลัยเหมืองแร่ นึกได้ดังนั้นเลยตอบออกไปทันที...ตกลงครับ เป็นเสียงตอบจากเรา...เอาเลย เลือดสุพรรณฯ ไปไหนไปกันได้เลย
ปิล็อก มหา’ลัยเหมืองแร่ ที่สุดปลายชายแดนตะวันตก อดีตเป็นเหมืองแร่แบบฉีด คือเอาน้ำใส่แรงดันสูงฉีดใส่ภูเขาที่ขอสัมปทานไว้เพื่อหาแร่ ตั้งอยู่ติดชายแดนพม่าในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ฟังชื่อดูแปลก ๆ สืบถามดูก็ได้ความว่า เพี้ยนมาจากคำว่าผีหลอก เท็จจริงแค่ไหนไม่ขอยืนยัน
สมัยก่อนจะมาปิล็อกต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ กว่าจะเดินทางเข้ามาถึง แต่ปัจจุบันนี้มีเส้นทางที่สะดวกสบาย ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้เดินทางจาก กทม. มาไม่ถึง ๓ ชั่วโมง งีบหนึ่งก็ถึงแล้ว
เช้าวันเดินทางพวกเราเดินทางไปที่ออฟฟิศของบริษัทเชฟโรเล็ต ประเทศไทย เพื่อฟังบรรยายจากคุณชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ประจำภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย และ “นายโด่ง” เจ้าหน้าที่เทคนิค ถึงสรรพคุณและการทำงานของเจ้า G80 Diff-lock ที่ติดตั้งอยู่ใน Colorado เป็นความรู้
จากกรุงเทพฯ เราไปกับเจ้า Colorado Diesel 3000 cc เกียร์ธรรมดา ๔ ประตู สีทอง พร้อมวิทยุสื่อสารเพื่อพูดคุยกันในขบวน ไปตามถนนบรมราชชนนี ผ่านนครชัยศรี นครปฐม บ้านโป่ง ท่ามะกา จนถึงกาญจนบุรี ระยะทาง ๑๓๐ กิโลเมตร ใช้เวลาไป ๑ ชั่วโมง เพราะในขบวนมีพี่จากหนังสือรถยนต์ฉบับต่าง ๆ เพียบ ขับรถเก่ง ๆ กันทั้งนั้น
จากตัวเมืองกาญจน์ รถแล่นต่อไปตามทางหลวงหมายเลข ๓๒๓ ผ่านอำเภอไทรโยค ระหว่างทางจะพบเห็นรีสอร์ตริมแม่น้ำแควน้อยเป็นระยะ ๆ ผ่านสะพานท่าขนุนข้ามแม่น้ำแควน้อยถึงอำเภอทองผาภูมิระยะทาง ๑๓๐ กิโลเมตร แวะกินอาหารกลางวันก่อนเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๐๗ เป็นทางเลียบทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ หรือเขื่อนเขาแหลมเดิมนั่นละครับ ถึงสามแยกบ้านไร่เลี้ยวซ้ายได้ไม่ไกลก็เข้าสู่อาณาเขตของขุนเขา เส้นทางเริ่มลัดเลาะไต่ระดับไปตามไหล่เขาและทางคดโค้งอีกมากมายหลายรูปแบบ เต็มไปด้วยวิวทิวเขาสลับซับซ้อนของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ทำให้การเดินทางไม่เครียด มีจุดชมวิวมองเห็นทะเลสาบเขาแหลม
เส้นทางขับรถไม่ยากเท่าไร แต่ก็ต้องระมัดระวังรถที่สวนมานาน ๆ ครั้ง ผ่านอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิไปจะถึงทางเข้าเหมืองสมศักดิ์ซึ่งอยู่ซ้ายมือ ป้ายทางเข้าเหมืองมีตัวหนังสือเขียนว่า 4WD Only “นายโด่ง” พูดผ่านวิทยุสื่อสารให้ลองสังเกต แล้วเราก็หันมามองหน้ากัน เจ้า Colorado คันนี้มันขับเคลื่อนสองล้อหลังนี่หว่า ผ่านทางเข้าไม่เกิน ๕๐๐ เมตร จากทางเรียบ ๆ ก็มาเจอทางฝุ่นและร่องน้ำ ยิ่งลึกเข้าไปอุปสรรคที่เจอก็คือหินลอย คณะของเราจึงต้องรักษาระยะห่างของรถพอสมควร ทางแคบรถไม่สามารถสวนทางได้ ลัดเลาะไปตามไหล่เขาก่อนถึงเหมืองสมศักดิ์ มีเนินลงที่ค่อนข้างชันเต็มไปด้วยหินลอยใหญ่กว่าสองกำปั้นและคดโค้งยาวประมาณ ๑ กิโลเมตร ถ้าลงเร็วรถจะเบรกไม่อยู่ ต้องใช้เกียร์หนึ่งเท่านั้นให้รอบเครื่องยนต์ชลอความเร็วและเหยียบเบรกช่วยไปบางครั้ง
ภายในเหมืองสมศักดิ์ เราได้พบกับน้าป้อมผู้คร่ำหวอดในวงการออฟโรดมารอรับพวกเราก่อนจะไปผจญภัยต่อไป ในปัจจุบันเหมืองสมศักดิ์ได้เปลี่ยนสภาพเป็นโฮมสเตย์เล็ก ๆ อยู่ท่ามกลางหุบเขาเหมืองแร่ มีป้าเกรน ชาวออสซี ภรรยาคุณสมศักดิ์ เสตะพันธุ์ ตระกูลเก่าแก่แห่งอำเภอสังขละบุรี ผู้บุกเบิกเหมืองแร่ ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ป้าเกรนต้อนรับคณะของเราด้วยกาแฟหอมกรุ่นและเค้กแบบฉบับของออสซีที่กิตติศัพท์ร่ำลือว่าหวานมันจากปากต่อปากของผู้ที่เข้ามาค้างแรมที่นี่ มุมบ้านพักเป็นระเบียงไม้ยื่นไปในฝายน้ำล้น บรรยากาศเหมือนอยู่ทางภาคเหนือดี ๆ นี่เอง หลังจากเติมพลังเราก็เริ่มเดินทางต่อ
อุปสรรคของเราเริ่มต้นตั้งแต่เนินชัน ๔๕ องศา เต็มไปด้วยหินลอยและร่องน้ำ แล้วหักศอกซ้าย ระยะทางประมาณ ๕๐๐ เมตร หากจะผ่านไปได้อย่างสะดวกต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อเท้านั้น ผมตั้งท่าที่จะพิชิตเนินนี้ด้วยเจ้า Colorado ขับเคลื่อนล้อหลังที่มีเฟืองท้าย G80 Diff-lock รถเริ่มไต่เนินด้วยเกียร์หนึ่ง จนถึงรอบก็เหยียบคลัชแล้วเปลี่ยนเป็นเกียร์สอง ล้อก็เริ่มที่จะหมุนฟรีบนหินลอย ระบบ G80 Diff-lock จึงเริ่มแผลงฤทธิ์ให้เห็น คือล้อสองล้อจะขับเคลื่อนพร้อม ๆ กัน ตะกุยหินไปพร้อมกัน แต่ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและเทคนิคของคนขับโดยต้องรักษารอบเครื่องไม่เกิน ๒,๐๐๐ รอบ และความเร็วไม่เกิน ๓๐กิโลเมตร ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่งเกิน ระบบ G80 Diff-lock จะตัดการทำงานเพื่อป้องกันความเสียหายของเฟืองท้าย แล้วล้อจะฟรีทิ้ง ผมทำตามเทคนิคที่ “นายโด่ง” คอยบอกมาทางวิทยุสื่อสารพร้อมกับเสียงเชียร์ของพี่ ๆ หนังสือรถ แล้วก็ผ่านไปอย่างม้วนเดียวจบ ระหว่างทางจะผ่านน้ำตกผาแปร มองเห็นได้แต่ไกลอยู่ทางด้านซ้ายมือหลังจากนั้นเราผ่านเนินไปอีก ๓-๔ เนิน กว่าจะถึงทางออกก็ค่ำพอดี เราได้ขอแยกกลุ่มจากคณะเพราะอยากพักที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เพื่อจะได้เดินทางขับรถเที่ยวต่ออีกวัน ที่อุทยานฯ มีบ้านพักและอาหารไว้บริการอย่างเพียบพร้อม เช้าที่ความสูง ๙๐๐ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เราก็พบกับทะเลหมอกลอยตัวอยู่เหนือทะเลสาบเขาแหลม ตรงแอ่งด้านหน้าที่พัก ซึ่งก็คือจุดชมวิวกูดดอยนั่นเอง
หลังจากกินกาแฟและขนมปังเพื่อรองท้องในยามเช้า เราก็ออกเดินทางไปน้ำตกจ๊อกกะดิ่นอยู่ห่างจากถนน ๒ กิโลเมตร ก่อนถึงทางเข้าเหมืองสมศักดิ์ ทางขวามือ เดิมเส้นทางเข้าน้ำตกจะเข้าได้เฉพาะ 4WD จริง ๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบัน อบต. ที่นั่นได้ปรับปรุงเส้นทางให้เดินทางได้สะดวกขึ้น ยกเว้นรถเก๋งจะค่อนข้างลำบากสักหน่อย จอดรถเดินทวนลำธารขึ้นไปจนถึงน้ำตก ไม่ไกลมาก น้ำตกทิ้งตัวเป็นชั้นเดียวโจนลงมาในแอ่งที่เป็นกรวดหิน ทำให้เห็นเป็นน้ำสีฟ้าใสไล่โทนคล้ายทะเล สามารถลงเล่นน้ำได้ จากนั้นเราขับรถขึ้นไปทางบ้านปิล็อกซึ่งเป็นชุมชนเก่าของชาวเหมือง ลักษณะห้องแถวไม้มุงด้วยหลังคาสังกะสีทอดตัวเป็นแนว เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวกับกาแฟกันที่นี่ ก่อนเดินทางไปยังด่านชายแดนพม่า จุดชมวิวยอดเขาแดน ที่สามารถมองเห็นวิวประเทศพม่า เป็นจุดเริ่มต้นของท่อก๊าซที่เราซื้อมาผลิตกระแสไฟฟ้า
เราปิดท้ายทริปนี้ที่จุดชมพระอาทิตย์ที่ฐานช้างศึก จุดสูงสุดของบ้านปิล็อก ถ้าขึ้นมาตอนกลางวันในวันอากาศดี จะสามารถมองเห็นทะเลอันดามันตรงอ่าวเมาะตะมะของพม่า ห่างจากฐานนี้ไป ๔๐ กิโลเมตร แต่ที่นี่วันนี้ เรากำลังเฝ้ามองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าและแสงไฟนีออนที่เริ่มสว่างของบ้านปิล็อกและบ้านอีต่อง ก่อนที่จะร่ำลาพี่ ๆ ทหารที่ฐานช้างศึก เดินทางกลับ กทม. และหวังว่าจะกลับมาเยือนอีกวันหนึ่งในอนาคต
.....................................................................................
ขอขอบคุณ
บริษัทเจเนรัล มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด
อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทรศัพท์ ๐ ๑๓๘๒ ๐๓๕๙
“นายโด่ง” น้าป้อม ป้าเกรนแห่งเหมืองสมศักดิ์ โทรศัพท์ ๐ ๗๐๑๙ ๑๗๐๘
…………………………………………………………….
ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ ๔๖ ฉบับที่ ๑๑ เดือนมิถุนายน ๒๕๔๙
No comments:
Post a Comment